นายวิลาศได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่สำเร็จการศึกษามาจากวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร รุ่น 2512 ซึ่งอาจารย์ท่านดังกล่าวได้เล่าให้เขาฟังว่า กลางเดือนปีนั้นตนโชคดีมากๆ ที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันงานการศึกษาสัมพันธ์ เพราะรู้สึกว่าพระองค์ทรงพระสำราญมาก
เมื่อนายวิลาศได้ยินเข้าจึงไม่รอช้า รีบไปค้นหาหนังสือประจำปีที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตรทันที ก่อนจะพบพระราชดำรัสในวันนั้นซึ่งเปี่ยมไปด้วยพระราชอารมณ์ขัน
ตอนหนึ่งของพระราชดำรัสงานการศึกษาสัมพันธ์ของวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตรัสว่า
“คราวนี้มีนาฬิกาแล้ว จะได้รู้เวลา นับไปนับมา แจกไปแจกมา (ทรงเป็นประธานแจกปริญญา) ครั้งที่แล้วมีคนหนึ่งที่ทำให้เราตกใจ เขาเดินเข้ามารับปริญญาแล้วร้องว่า ‘ทรงพระเจริญ’ ความจริงตอนนั้นก็กำลังหลับอยู่ จึงตกใจตื่น
(พิธีแจกปริญญาครั้งที่แล้ว พระองค์ทรงเข้ารับการรักษาด้วยการถอนฟันก่อนเสด็จฯ เป็นประธานในพิธี) “การแจกปริญญานั้นเป็นเทคนิคที่สูงมาก ถ้าเปรียบเทียบคนกับเครื่องยนต์กลไก เราเสียเปรียบ เพราะปิดเครื่องไม่ได้ แต่บังเอิญตอนนั้นการแจกปริญญาก็ส่วนแจกปริญญา ส่วนปวดฟันก็ส่วนปวดฟัน ส่วนหลับในก็ส่วนหลับใน
“เมื่อมีเสียงเขาบอกว่าทรงพระเจริญ เราก็ต้องตกใจตื่นทั้งตัว แต่หลังจากตกใจตื่นขึ้นมา อาการปวดฟันก็หายไป นี่พูดตามวิสัยของนักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัย รู้สึกว่าตัวเองกระปรี้กระเปร่าที่จะแจกปริญญาต่อไป ทำด้วยความรู้สึกตัวด้วย แล้วก็ทำให้เรามีกำลังใจ
“ที่เขาบอก ‘ทรงพระเจริญ’ เพราะเขาทำด้วยความตั้งใจดีและความตื่นเต้น แต่ว่าทำให้เกิดผลดี ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเอาใจช่วย อย่างงานอื่นๆ ก็เข้าใจว่าเหมือนกัน เวลาเราเหนื่อย ถ้ารู้ว่ามีคนที่เอาใจช่วย เห็นใจ และพยายามทุกอย่างที่จะทำให้งานทั้งปวงลุล่วงไปด้วยดี มันก็เป็นการสนับสนุนแล้วก็เป็นการดีสำหรับส่วนรวม เพราะว่างานก็ลุล่วงไปด้วยดี ลงท้ายก็ปรากฏว่างานแจกปริญญาครั้งนั้นก็ลุล่วงไปโดยดี”
ที่มาจาก https://bit.ly/3BfsWvN