ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ ๑๗ ปีเศษ ข้าพเจ้าได้ถวายรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ออกไปช่วยประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ข้าพเจ้าจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชน เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าคนไทยเรานี่น่ารัก
เมื่อข้าพเจ้าเห็นคนอายุน้อยกว่ามารอพบข้าพเจ้า ก็เกิดความเอ็นดู ส่วนผู้ที่อายุมากกว่าก็ให้ความเมตตาแก่ข้าพเจ้า ดังนั้นเราจึงอยู่ด้วยกันด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอมาและพยายามจะถ่ายทอดน้ำใจไปสู่กันและกัน…”
#พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๗ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
มีอยู่ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าอายุ ๑๘ ได้ตามเสด็จ ตอนนั้นเป็นช่วงหลังพระราชพิธีราชาภิเษก เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ๆ ก็เสด็จประมาณ ๙ โมงเช้า เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรมาเรื่อยๆ ทีนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า แหม นานเหลือเกิน ตอนนั้นยังไม่กางร่ม
ตอนนั้นยังไม่กลัวแดด ไม่ใส่หมวก ก็รู้สึกแดดร้อนเปรี้ยง หนังเท้านี่รู้สึกไหม้เชียวก็เดินเข้าไปกระซิบกับท่านว่า พอหรือยัง ก็โดนกริ้ว บอกนี่เห็นไหม ราษฎรเขาเดินมาเป็นวันๆ
เพื่อมาดูเราแม้แต่นิดเดียว แต่นี่เรายืนอยู่ไม่เท่าไรละ ตอนนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว…”#พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๔
“…พระเจ้าอยู่หัวไม่ยอมให้ไปยืนค้ำหัวพูดกับราษฎร ถ้ายิ่งเป็นเวลานาน ท่านต้องการให้นั่งลงพูดกับเขา ข้าพเจ้าก็คลานรับประชาชนตลอดเลย เป็นกิโลเลย ท่านมาดูหัวเข่าข้าพเจ้าเดี๋ยวนี้สิ ดำปี๋เลย…”#สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๒๕”…พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำพระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่าเราต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งว่าทรัพยากรป่าไม้นั้นสำคัญต่อพวกเรามาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ให้ความชุ่มฉ่ำต่อแผ่นดินและป่าไม้ ต้องมีสัตว์เพื่อช่วยในการขยายพันธุ์และสร้างความสมดุลของธรรมชาติ
ส่วนสัตว์ป่านั้นก็ต้องมีแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัย จึงกล่าวได้ว่า มนุษย์ ป่าไม้ และสัตว์ป่า มีความสัมพันธ์กันอย่างละเอียดลึกซึ้งจนไม่สามารถจะขาดส่วนหนึ่งส่วนใดได้…”
#พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๑๕๒๕ ณ บ้านถ้ำคิ้ว อำเภอล่องดาว จังหวัดสกลนคร
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกรานต์ กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก
https://bit.ly/3c82GL4