เก็บตัวเงียบหลายปี ตุ้ย ธีรภัทร

ห่างหายจากวงการบันเทิงไปสักพัก หลังจากมีข่าวเลิกรากับภรรยา สำหรับพระเอกหนุ่มสุดอบอุ่น “ตุ้ย ธีรภัทร”

หายไปจากหน้าจอนานมาก “จริงๆ แล้วก็ไม่ได้หายไปไหนนะ ถ้าไม่นับโควิo งานแสดงก็ยังมีต่อเนื่อง แต่จังหวะที่งานจะออกจริงๆ

มันก็จะขยับไปขยับยังไงไม่รู้ออกมาเดือนเดียวกันหมด (หัวเราะ)” ออกมาทีก็โปรเจ็คใหญ่เลย “ก็จะเป็นภาพยนตร์ 2 เรื่องในเดือนนี้

และละครอีก 1 เรื่องครับ จริงๆ เรื่อง 13 Life ก็เป็นอีกเรื่องที่ภูมิใจนะ จริงๆ ก็ภูมิใจคนละแบบ” ตอนที่ได้รับการติดต่อรู้สึกยังไง

“ตื่นเต้นเลยครับ คือเราไม่คิดหรือไม่กล้าคาดหวัง ตื่นเต้นตั้งแต่แคสติ้ง เพราะมันเป็นแคสติ้งกับผู้กำกับเลย ก็จะสั่นๆ หน่อย (ยิ้ม)”

ตุ้ย ธีรภัทร์ ถึงประเด็นรักร้าวดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวได้เผยถึงรายละเอียดของการเลิกราครั้งนี้ ให้เราฟังว่า

จากข่าวการหย่าของเรากับภรรยา มีความจริงมากน้อยขนาดไหน ? “ก็เป็นความจริงครับ เราก็หย่าได้ 4-5 เดือน โดยประมาณ ซึ่งจริงๆ

เราก็แยกกันอยู่ก่อนหน้านั้นสักพักใหญ่แล้วครับ” ตลอด 2 ปี ที่ผ่านมาเราก็มักจะได้ยินข่าวเรื่องเตียงหักมาตลอด นั่นก็คือเรื่องจริงใช่ไหม ?

“เตียงไม่ได้หักครับ (หัวเราะ) เรียกว่าก็คงเหมือนชีวิตคู่ของหลายๆ คนดีกว่า ที่มีทั้งราบรื่นบ้าง มีปัญหาบ้าง และก็คงต้องใช้คำว่าเราก็พยายามแล้วที่จะ

เอ่อ…ปรับเข้าหากัน หรือพยายามที่จะทำให้มันดีขึ้น แต่ว่ามันก็คงจะมาถึงจุดที่เราทั้งสองคนเห็นตรงกัน และตัดสินใจกันด้วยเหตุและผลที่จะ เอ่อ…เปลี่ยนสถานะ”

สาเหตุที่ทำให้เราต้องเลิกกันคืออะไร ? “จริงๆ สาเหตุหลักมันคงจะเป็นเรื่องของ เอ่อ…ทัศนคติ และก็มุมมองในการใช้ชีวิตของเรานะครับ ที่มันอาจจะไม่สอดคล้องกัน”

จากข่าวลือเรื่องมือที่สาม เรื่องนี้มีความจริงมากน้อยแค่ไหน ? “ไม่มีแน่ๆ ครับ ไม่มีครับ ไม่มีมือที่สามแน่ๆ ครับ” เราบอกว่าไม่มีมือที่สาม

แต่ว่าที่ผ่านมาเราเคยมีเรื่องสาวๆ ที่ทำให้ภรรยาเข้าใจผิดบ้างไหม ? “ไม่มีหรอกครับ ไม่มี เพราะที่ผ่านมาผมเชื่อว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่ประเด็นที่จะมีผลอะไรทั้งสิ้นในการตัดสินใจ”

ในวันที่เราทั้งคู่ตัดสินใจแล้วว่าจะแยกทาง ความรู้สึกในวันนั้นมันลำบากใจมากน้อยแค่ไหน ? “ก็แน่นอนครับว่ามันต้องเป็นความเสียใจ เป็นความผิดหวังอยู่แล้ว

เพราะว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดมาจากความตั้งใจที่ดี ความรู้สึกดีๆ เพียงแต่ว่าถ้ามันถึงช่วงหนึ่งของชีวิต หรือช่วงหนึ่งของเส้นทางที่มันดำเนินมาแล้วมันไม่สามารถไปต่อได้

เราก็ต้องยอมรับความจริง และคุยกันเพื่อที่จะตัดสินใจว่า เราจะเปลี่ยนสถานะ หรือเปลี่ยนบทบาทเป็นพ่อและแม่ ที่จะดูแลลูกที่น่ารักต่อไป”

ที่มาจาก https://bit.ly/3qrAVkj