เรื่องสำรับกับข้าวที่พระเจ้าแผ่นดินรวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์โปรดเสวยนั้นมักไม่ค่อยมีการเผยแพร่สู่สาธารณชนมากนัก ด้วยเป็นช่วงเวลาส่วนพระองค์ที่มิบังควรก้าวล่วง เมื่อเป็นเช่นนี้พสกนิกรส่วนใหญ่จึงมักทึกทักเอาตามความรู้สึกต่างๆ นานา ว่าในแต่ละวันเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินคงเสวยอาหารเลิศหรูอลังการ อีกทั้งมีขั้นตอนการปรุงยุ่งยากซับซ้อน แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นเลย
เมื่อหลายปีก่อน พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุเคยมีรับสั่งเมื่อครั้งประทานสัมภาษณ์รายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่าบ่อยครั้งที่มีโอกาสปรุงพระกระยาหารถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อครั้งยังมีชนม์ชีพ อย่างข้าวแช่ก็โปรด แต่จริงๆ โปรดอาหารฝรั่งก็ทำถวายตามอยู่บ่อยครั้ง ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถโปรดแกงหองเป็นแกงสูตรชาววัง มีโอกาสก็จะทำถวายตลอดเช่นกัน
นอกจากนี้ข้อมูลสำคัญส่วนหนึ่งจากหนังสือใกล้เบื้องพระยุคลบาท กับลัดดาซุบซิบ ทำให้พสกนิกรต่างคลายข้อสงสัยด้วยในเนื้อหาหัวข้อ “พระกระยาหารโปรดของในหลวงรัชกาลที่ ๙” นั้น ระบุชัดเจนว่าพระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโปรดพระกระยาหารเรียบง่ายทั้งสำรับไทยและฝรั่ง ดังตอนหนึ่งในหนังสือเขียนว่า
“ขออย่าได้แปลกใจไปเลยที่เมนูพระกระยาหารในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ละมื้อหาได้วิเศษเลอเลิศอย่างที่เข้าใจกันไม่ แต่เป็นอาหารธรรมดาที่ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินทั้งหลายบริโภคกันทุกวันนั่นเอง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดเสวยอาหารอ่อนแบบอาหารฝรั่ง อาหารไทยโปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา โดยใส่ผักให้มากๆ หมูเนื้อใส่ให้น้อยๆ อาหารว่าง เคยโปรดหูฉลามและบะหมี่ จะใส่หน้าหมูแดง หน้าเป็ด หน้าปูได้ทั้งนั้น แต่ต้องไม่ใส่ผักชี ใบหอม ต้นหอม และตังฉ่าย เครื่องดื่มโปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง น้ำชากาแฟไม่มากนัก…”
สำหรับรายการพระกระยาหารหรือเครื่องเสวยประจำวันที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดก็พอจะแจกแจงได้ดังนี้ เครื่องเช้า มีไข่ลวกหรือข้าวโอ๊ต ไอศกรีม เครื่องกลางวัน เป็นซุปอาสาเรน (ซุปใสใส่ไข่) สปาเกตตีมิลาเนส แกงจืดเซี่ยงจี๊ ผัดไก่เล่าปี่ ปูเค็มต้มกะทิ หลนปลากุเลา ผัดเผ็ดปลาดุกทอดฟู กล้วยหักมุกเชื่อม ไอศกรีม และผลไม้ ยามดึก เมื่อเสด็จฯ กลับจากพระราชกิจ มหาดเล็กจะตั้งเครื่องว่างจำพวกหูฉลาม หรือบะหมี่ถวายอีกครั้งหนึ่ง
ที่น่าสนใจคือ ทรงไม่โปรดเสวยปลานิล เมื่อมีคนทูลถาม พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งว่า “ก็เลี้ยงมันมาเหมือนลูก แล้วจะกินมันได้อย่างไร” เมื่อมีผู้นำปลานิลมาตั้งเครื่องเสวย พระองค์จะโบกพระหัตถ์ให้ย้ายไปที่อื่นทันที โดยไม่รับสั่งอะไร
เรื่องนี้มีตำนานว่า เมื่อราวปี ๒๕๐๘ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ ยังทรงฐานันดรศักดิ์เป็นมกุฎราชกุมาร ได้ส่งปลานิลทางเครื่องบินจำนวน ๑๐๐ ตัว มาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ เมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย ปลานิลตายเกือบหมด เหลือรอดเพียง ๑๐ ตัว จึงทรงเป็นห่วงเป็นใยปลานิลเหล่านี้
ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้นำไปไว้ในพระที่นั่งและทรงเลี้ยงอย่างประคบประหงมจนปลานิลทั้ง ๑๐ ตัวรอดชีวิต และปลานิลเหล่านั้นก็สนองพระเดชพระคุณ แพร่พันธุ์ไปอีกมากมายตามพระราชประสงค์ เป็นอาหารให้คนไทยทั้งประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ ความเรียบง่ายของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นแบบอย่างให้ประชาชนใต้เบื้องพระยุคลบาทกินอยู่อย่างเรียบง่ายเช่นกัน
ที่มาจาก https://bit.ly/3BC0Yua